รายการนี้ถือว่าเป็นรายการใหญ่ในรอบ 40 ปี ที่สมาพันธ์ยิมนาสติกแห่งเอเชียอนุญาตให้การแข่งขันในรุ่นเยาวชน กับ รุ่นประชาชน จัดพร้อมกัน (ทุกปีสมาพันธ์จะต้องแยกประเภทเยาวชนกับประชาชนจัดคนละประเทศ) ปีนี้จึงถือว่า
เป็นปีทองของประเทศไทย และสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย ที่มีนักกีฬาจาก 25 ชาติ จำนวนไม่น้อยกว่า 600 คน เดินทางมาเข้าร่วมแข่งขัน และในครั้งนี้ ทั้ง จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีเหนือ, เกาหลีใต้ ต่างก็ยกนักกีฬาชุดใหญ่มาเต็มพิกัด ทำ ให้นักกีฬาไทย ได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันด้วย
สำหรับการแข่งขันประเภทเยาวชนทีม และบุคคลรวมอุปกรณ์ชายและหญิง โดยนักกีฬาเยาวชนหญิงที่ลงทำการแข่งขันประกอบด้วย วัลรัตน์ แซ่หุ่น, วิราวรรณ ถาวร, พิมนภัทร์ ศุภพิทักษ์พงษ์ และศศิวิมล เมืองพรวน ซึ่งผลงาน
ของนักกีฬาหญิงนั้นปรากฏว่า แข่งครบ 4 อุปกรณ์ ได้แก่ โต๊ะกระโดด บาร์ต่างระดับ คานทรงตัว และ ฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ ทีมชาติไทย ทำคะแนนรวมได้ 117.250 คะแนน อยู่อันดับที่ 9 ขณะที่เหรียญทอง เป็นของ จีน ทำได้ 161.100 คะแนน เหรียญเงิน ญี่ปุ่น 153.350 คะแนน และ เหรียญทองแดง เกาหลีใต้ 153.00 คะแนน
ส่วนประเภท เยาวชนชายทีม และประเภทบุคคลชายรวมอุปกรณ์ ซึ่งนักกีฬาไทยที่ลงทำการแข่งขันประกอบด้วย เจษฎากร รอดพลอย ปุญญาพัฒน์ บุญปถัมภ์, สุภาชีพ บ่าวเบ็ญหมัด, ภาสวิชญ์ หละหรู และ ธนภัทร พะยัติ
เหรียญทองตกเป็นของ ญี่ปุ่น 243.300 คะแนน, เหรียญเงิน จีน 241.400 คะแนน, เหรียญทองแดง ไต้หวัน 229.150 คะแนน, สิงคโปร์ ได้อันดับที่ 7, มาเลเซีย ได้อันดับที่ 10, ไทย ได้อันดับที่ 11, เวียดนาม อันดับที่ 13 และ อินโดนีเซีย
อันดับที่ 14 ประเภทบุคคล เหรียญทอง คาคูโตะ บูรายาม่า (ญี่ปุ่น) 80.950 คะแนน, เหรียญเงิน ซีหยู หม่า (จีน) 79.950 คะแนน, เหรียญทองแดง ซิกะ คาชิบาน่า (ญี่ปุ่น) 79.650 คะแนน ส่วนทีมเยาวชนไทย ภาสวิชญ์ หละหรูน ทำได้ดีที่สุด 66.660 คะแนน อยู่อันดับที่ 28
ขณะที่ประเภทประชาชนทีมหญิงและรวมอุปกรณ์หญิง ประเภททีมประกอบด้วย แพรวพราว ดวงจัน, ฐิดาภรณ์ คันธะระ, กัญญาณัฐ บุญเทิง, ณัฐชา มานิตกุล เดวิส โดยไทยทำได้ดีที่สุดอันดับ 9 คะแนนรวม 124.800 คะแนน
แชมป์ตกเป็นของ ประเทศจีน ซึ่งขนทีมชาติชุดใหญ่ชุดแชมป์โลกมาลงทำการแข่งขัน และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทำคะแนนรวมได้ 165.200 คะแนน, เหรียญเงิน เกาหลีเหนือ 156.750 คะแนน และทองแดง ญี่ปุ่น 155.16 คะแนน และ อันดับ 4 มาเลเซีย 142.750 คะแนน
ส่วนประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์ทองตกเป็นของ ทอง หลิว ทิงทิง (จีน) 56.800 คะแนน, เงิน เหล่า ฮวน (จีน) 55.700 คะแนน, และทองแดง เป็ฯของ คิม ซู จอง (เกาหลีเหนือ) 53.150 คะแนน ส่วนนักกีฬาไทยที่ทำคะแนนดีที่สุด
ก็คือ แพรวพรรณ ดวงจันทร์ อันดับ 15 ทำได้ 45.950 คะแนน
ด้านประเภท ประชาชนชายนั้นไทย ซึ่งประกอบด้วย จามร พรหมมณี, ทิฆัมพร สุรินทรทะ, ทิษณุพรรณ วิเชียรประดิษฐ์, ณัฐวุฒิ ละม้ายวรรรณ และ ณัฐวัฒน์ ละม้ายวรรณ โดยลงแข่งขันทั้งหมด 6 อุปกรณ์ ได้แก่ ฟลอร์เอ็กเซอร์
ไซส์, ม้าหู, ห่วงนิ่ง, โต๊ะกระโดด, บาร์คู่ และบาร์เดี่ยว ช่วยกันทำคะแนนรวมได้ 220.900 คะแนน อยู่อันดับ 10 โดยเหรียญทองตกเป็นของ จีน ทำคะแนนรวมได้ 264.750 คะแนน, เงิน เกาหลีใต้ 251.700 คะแนน, ทองแดง ญี่ปุ่น
250.100 คะแนน ขณะที่ ประเทศมาเลเซีย ทำได้อันที่ 9 226.00 คะแนน
ประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์นั้นเหรียญทองตกเป็นของ เสี่ยว ลู่เต็ง (จีน) 87.00 คะแนน, เงิน หลิน เชาปัน (จีน) 87.450 คะแนน, ทองแดง ปาร์ค มินซู (เกาหลีใต้) 84.550 คะแนน ส่วนนักกีฬาไทยนั้น อันดับ 27 ณัฐวัฒน์ ละม้าย
วรรณ (เล่นครบ 6 อุปกรณ์) 66.700 คะแนน, อันดับที่ 28 ทิษณุพรรณ วิเชียร์ประดิษฐ์ (เล่น 5 อุปกรณ์) 62.450 คะแนน, อันดับที่ 38 ทิฆัมพร สุรินทรทะ (เล่น 4 อุปกรณ์) 52.600 คะแนน, อันดับที่ 43 จามร พรมมณี (เล่น 4 อุปกรณ์) 49.250 คะแนน, อันดบ 45 ณัฐวุฒิ ละม้ายวรรณ(เล่น 4 อุปกรณ์) 43.650 คะแนน
ส่วนการควอลิฟาย 8 คนที่ดีที่สุดในแต่ละอุปกรณ์เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศนั้น ผลปรากฏว่า ในประเภทฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ ”เจ้าบีม” ฑิฆัมพร สุรินทรทะ ซึ่งทำคะแนนมา 14.050 คะแนนเท่ากับ เกาหลีใต้ และ อุซเบกิสถาน แต่พิจารณา
จากผู้ที่ถูกตัดคะแนนมากที่สุด ทำให้ 2 ทีมดีกว่าทำให้เราหล่น ไปอยู่อันดับ 9 แต่เนื่องจาก เกาหลีใต้ ถอนตัวจากการแข่งขัน รวมถึง โต๊ะกระโดด ประเทศจีน ถอนตัวจากการแข่งขัน ทำให้ ฑิฆัมพร ได้รับโอกาสให้เข้ารอบชิงชนะเลิศไปแข่งขัน 2 รายการนี้
ประเภทฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ เนื่องจาก ฑิฆัมพร นั้นทราบว่าจะได้ลงทำการแข่งขันช้าผนวกกับมีอาการบาดเจ็บเลยทำให้เวลาตีลังกาลงฟลอร์ไม่สมบูรณ์นัก ทำให้ทำคะแนนได้ 12.625 คะแนน อันดับ 8 โดยเหรียญทองตกเป็นของ
หลิน เชาปัน (จีน) 14.675 คะแนน, เงิน เซียว ลู่เต็ง (จีน) 14.650 คะแนน, ทองแดง คิม ฮันซอล (เกาหลีใต้) 14.350 คะแนน ส่วนโต๊ะอุปกรณ์นั้น เจ้าบีม ทำคะแนนได้ 13.425 คะแนน คว้าอันดับ 5 ของเอเชียไปครอง ขณะที่เหรียญทอง
เป็นของ เธียร์ ตุง ลี จากเวียดนาม ทำคะแนนไป 14.563 คะแนน เหรียญเงิน คิม ฮานซอล จาก เกาหลีใต้ 14.448 คะแนน และ เหรียญทองแดง ได้แก่ ซูโตะ โฮริอูชิ จาก ญี่ปุ่น ทำคะแนนไป 13.725 คะแนน จากผลการแข่งขันดังกล่าว ทำให้ ฑิฆัมพร สุรินทรทะ มีคะแนนรวมที่เหนือกว่าคู่แข่งในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ทั้ง เวียดนาม, มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์
ด้าน น.ต.ศรายุทธ พัฒนศักดิ์ นายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าเราจะเป็นเจ้าภาพ แต่ภาพรวมถือว่าทีมเยาวชนทำได้ตามเป้าที่วางไว้ เพราะต้องยอมรับตามความเป็นจริง เรายังตกเป็นรองคู่แข่ง
มหาอำนาจย่านเอเชีย อย่าง ญี่ปุ่น, จีน, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, คาซัคสถาน, อุซเบกิสถาน หรือแม้แต่ อิหร่าน เพียงแต่เราเฝ้าระวังไม่ให้ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 10 ประเทศเพื่อนบ้านที่ร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ทำผลงานดีกว่าเราเท่านั้น ซึ่งทั้ง มาเลเซีย และ สิงคโปร์ มาครั้งนี้ถือว่าน่ากลัว
”สรุปก็คือ การแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย เราได้ประโยชน์เยอะมาก อย่างแรกได้เห็นการพัฒนาของนักกีฬาระดับโลกจาก จีน, ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ประเด็นที่สอง ได้รู้เขา-รู้เรา เห็นฟอร์มคู่แข่งชุดซีเกมส์ ทำให้เราประเมินผลงานล่วง
หน้าได้เป็นอย่างดี กับเป้าหมายการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศมาเลเซีย ในเดือนสิงหาคม ซึ่งหลังจากจบการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย มีความเป็นไปได้สูงที่สมาคมฯ จะส่งนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติส่วนหนึ่งเดินทางไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่สโมสร เอ็กเซล ยิมนาสติก สโมสรเดียวกับ กรปรียา แฟร้งค์ นักกีฬาลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างน้อย 1 เดือน เพื่อฝึกสมาธิ, ฝึกระเบียบวินัย, ฝึกท่ายาก, ท่าใหม่ๆ เหมือนนักกีฬาระดับอาชีพ ก่อนจะกลับมาล่าเหรียญทอง ใน การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ในเดือนสิงหาคม”
ขณะที่ นายอิสระ วงศ์รุ่ง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะที่ให้การสนับสนุนรายใหญ่ในการแข่งขันยิมนาสติกศิลป์ชิงแชมป์เอเชียครั้งนี้ ชื่นชมและพึงพอใจกับผลงานของนักกีฬาเช่นเดียวกัน พร้อมกับยืนยันว่า ยินดีให้
การสนับสนุนสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทยตลอดไปเช่นเดียวกับอีก 8 สมาคมกีฬา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้นักกีฬาสร้างผลงาน สร้างชื่อเสียงในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ในอีก 3 เดือนข้างหน้าและผลักดันให้นักกีฬาของไทยได้ยิ่ง ใหญ่ในภูมิภาคแห่งชาติเอเชียอีกด้วย
สำหรับเวทีนี้ถือเป็นเวที ก่อนจะถึงการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ ประเทศมาเลเซีย ที่ทำให้ยิมนาสติกศิลป์ไทย ได้รู้ข้อดีและข้อเสียของตัวเองเพื่อไปปรับตัวเอง สำหรับการทำเหรียญให้กับประเทศไทย ในซีเกมส์ครั้งนี้