ยิมนาสติกศิลป์ทีมชาติไทย ถูกขนานนามว่าเป็น “ม้ามืด” หลังจากคว้า 5 เหรียญทองในการแข่งขัน “ฮ่องกง ยิมนาสติกศิลป์ อินเตอร์เนชั่ลแนล อินวิเตชั่น แชมป์เปี้ยนชิพ 2018 ” เบียดสู้กับจีน และ ฮ่องกง อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากถูกกรรมการบีบคะแนนทุกอุปกรณ์ นายกสมาคมย้ำ เดินมาเกินครึ่งทาง เป้าหมายต่อไปคือ เอเชี่ยนเกมส์ มั่นใจอย่างไรก็ต้องมีเหรียญ
จากการที่สมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬายิมนาสติกศิลป์ ชายจำนวน 2 คนได้แก่ ทิษณุพรรณ วิเชียร์ประดิษฐ์ และ ฑิฆัมพร สุรินทรทะ รวมทั้งนักกีฬายิมนาสติกศิลป์หญิงอีก 2 คน คือ น.ส.ศศิวิมล เมืองพวน และ เด็กหญิงสีน้ำ รักษ์ภู เข้าร่วมแข่งขันยิมนาสติกรายการ ฮ่องกง ยิมนาสติกศิลป์ อินเตอร์เนชั่ลแนล อินวิเตชั่น แชมป์เปี้ยนชิพ 2018 ” ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ระหว่างวันที่ 18 -23 มกราคม โดยมีนักกีฬาจาก 8 ชาติเข้าร่วมแข่งขัน ประกอบด้วย ฮ่องกง (เจ้าภาพ), ไต้หวัน, จีน, มาเลเซีย, ไทย, ออสเตรเลีย, อินเดีย และ อิหร่าน
การแข่งขันครั้งนยี้ น.ต.ศรายุทธ พัฒนศักดิ์ นายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย ได้คุมทีมไปด้วยตนเอง ผลปรากฏว่า นักกีฬายิมนาสติก ชาย-หญิง ทีมชาติไทย ทำผลงานได้น่าประทับใจ ด้วยการคว้ามาได้ 5 เหรียญทอง1 เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง โดยเหรียญทองได้จาก ฑิฆัมพร สุรินทรทะ จากอุปกรณ์ฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์, ทิษณุพรรณ วิเชียรประดิษฐ์ 2 เหรียญทอง จากอุปกรณ์โต๊ะกระโดด กับ อุปกรณ์บาร์เดี่ยว , ศศิวิมล เมืองพวน อุปกรณ์ฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ และ สีน้ำ รักษ์ภู จากอุปกรณ์โต๊ะกระโดด1 เหรียญเงินได้จาก ศศิวิมล เมืองพวน (อุปกรณ์บาร์ต่างระดับ) และ 4 เหรียญทองแดง จาก ศศิวิมล เมืองพวน คนเดียว 2 เหรียญทองแดง ได้จาก (บุคคลรวมอุปกรณ์ และ อุปกรณ์โต๊ะกระโดด ), สีน้ำ รักษ์ภู (คานทรงตัว), ทิษณุพรรณ วิเชียร์ประดิษฐ์ ( ฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์)
น.ต.ศรายุทธ พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า เหรียญทองแต่ละเหรียญได้มาด้วยฝีมือล้วน ๆ เนื่องจากนักกีฬาของไทยถูกกรรมการบีบคะแนนแทบทุกอุปกรณ์ แต่สุดท้ายก็คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของนักกีฬายิมนาสติกศิลป์ของไทย ที่โชว์ความสามารถ และ ศักยภาพเหนือกว่าเจ้าภาพ ฮ่องกง แถมเบียดสู้กับจีน รวมทั้งไต้หวัน และ อิหร่าน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการมีสมาธิ มีวินัย มีความมุ่งมั่นของนักกีฬาทุกคน ความสำเร็จครั้งนี้ต้องยกความดีให้กับนักกีฬาทุกคน ให้กับผู้ฝึกสอนที่มุ่งมั่นทำงานกันมาอย่างหนัก ขอยืนยันว่าเราจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีรายการสำคัญรออยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ในเดือนสิงหาคม ที่ประเทศอินโดนีเซีย วันนี้ถือว่าเราเดินมาเกินครึ่งทางแล้ว ที่เหลืออีกไม่ไกลเราต้องไปให้ถึงจุดหมาย