แถมที่ผ่านมา สมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย พยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อหาตัวตายตัวแทนก้าวขึ้นมาแทนที่ธาราทิพย์ แต่ต้องบอกว่าเหมือนงมหาเข็มในมหาสมุทร เพราะที่ผ่านมายังไม่มีนักยิมนาสติกคนไทยฉายแววพอที่จะก้าวขึ้นมาทดแทนได้อย่างแท้จริง
ทว่า การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 33 ”ชุมพร-ระนองเกมส์” ครั้งนี้ดูเหมือนสมาคมกีฬายิมนาสติกฯ เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ขึ้นมาบ้าง เมื่อสาวน้อยจากเมืองร้อยเกาะ ที่มีนามว่า ”น้องปอปอ” พิยดา พีรมธุกร ที่วัยเพียงแค่ 12 ปี ได้สร้างปรากฏการณ์ทำผลงานสุดฮือฮาตั้งแต่วันเปิดการแข่งขันจนถึงวันสุดท้ายของการชิงชัย ด้วยการล้มรุ่นพี่เยาวชนทีมชาติ ทำผลงานกวาดเหรียญรางวัลไปครองได้มากที่สุด 3 ทอง 1 เงิน และ 1 ทองแดง จากทั้งหมด 5 รายการ จนทำให้คนในวงการยิมฯ แทบทุกสายตาจับจ้องไปสาวน้อยวัย 12 ปี จากสุราษฎร์ธานี คนนี้เพียงคนเดียว
ขณะเดียวกัน ยังทำให้ ”ครูไก่” กุสุมาลย์ ประเสิรฐศรี อุปนายกสมาคมกีฬายิมฯ และผู้ปลุกปั้น ”โม” ธาราทิพย์ ศรีดี ที่มาเห็นหน้าคณะกรรมการในครั้งนี้ ยังได้ออกมาชื่นชมถึงความเก่งกาจของพิยดาว่า หากให้เทียบความเก่งระหว่างธาราทิพย์กับน้องปอปอในช่วงอายุเดียวกัน คงต้องบอกเด็กคนนี้เก่งกว่าธาราทิพย์ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคนิคการหมุนตัว หรือการสร้างสมดุล และการเล่นกับอุปกรณ์ต่างๆ ถือว่ายอดเยี่ยมมากสำหรับเด็กอายุเพียงแค่ 12 ปีเท่านั้น ซึ่งตนบอกได้เลยว่าปอปอจะก้าวขึ้นมาเป็น ”ธาราทิพย์ 2” ในอนาคตหากได้รับการฝึกสอนที่ดี
เท่านั้นยังไม่พอ สมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย ถึงกับเตรียมเรียกตัวน้องปอปอเข้ามาเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติไทย แถมยังมีแผนผลักดันเข้าสู่โครงการ ”โร้ด ทู โตเกียว” ซึ่งเป็นโครงการเตรียมนักกีฬาเพื่อสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย
ยุวธิดา พีรมธุกร คุณแม่ของน้องปอปอเล่าว่า น้องเริ่มเล่นยิมนาสติกตั้งอายุได้ 4 ขวบ เนื่องจากคุณพ่อของน้องและตนเองสนใจกีฬานี้ เพราะเล็งเห็นว่ากีฬายิมนาสติกเป็นกีฬาที่จะช่วยในการสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้กับน้อง เพราะเป็นกีฬาที่มีความสง่างาม อีกทั้งน้องเองเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬาตั้งแต่เด็ก เพราะที่ผ่านมาตนเคยพาไปเรียนเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบัลเลต์ และกิจกรรมอื่นๆ มาแล้วมากมาย แต่น้องกลับชอบกีฬายิมนาสติกลีลามากกว่า ทำให้เราตัดสินเลือกให้เขาฝึกเล่นกีฬายิมนาสติกลีลาแบบจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
”ปอปอ-พิยดา” เผยว่า ไม่รู้ว่าชอบกีฬายิมนาสติกเพราะอะไร แต่อาจเพราะเล่นกีฬานี้มาตั้งแต่เด็ก และยิ่งเล่นไปนานๆ เลยรู้สึกชอบมากขึ้น จนวันหนึ่งตนได้มาเรียนยิมนาสติกกับพี่โม ทำให้ตนยิ่งชอบมากขึ้น อยากจะเก่งเหมือนกับพี่โม ทำให้ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พยายามศึกษาการเล่นยิมนาสติกลีลาของนักกีฬาระดับโลก เพื่อศึกษาเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหมุนตัว หรือเทคนิคในการเล่นกับอุปกรณ์ต่างๆ และมาประยุกต์ใช้กับตนเองมากขึ้น เพราะอยากเก่งให้ได้เร็วๆ
”เพราะที่ผ่านมา หนูลงแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติมา 4 ครั้ง ตั้งแต่ตอนอายุ 8 ขวบ แต่ตนไม่เคยได้รับเหรียญรางวัลเลย และทำได้ดีที่สุดแค่เพียงอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ตลอดปีที่ผ่านมาจึงมุ่งมั่นตั้งใจซ้อมทุกวัน วันละ 4-5 ชั่วโมง รวมถึงศึกษาคู่แข่งทุกคนว่าเก่งอุปกรณ์ไหนบ้าง เพื่อจะได้เอาไปแก้ไขจุดบกพร่องของตัวเอง และฝึกซ้อมให้เก่งให้ได้ทุกอุปกรณ์ เนื่องจากหนูอยากคว้าเหรียญรางวัลในกีฬาแห่งชาติให้ได้ และครั้งนี้หนูทำสำเร็จได้อย่างที่หวัง ทำให้หนูดีใจและภูมิใจมากที่ทำผลงานได้ดีเกินคาดมาก
เป้าหมายต่อไปในอนาคต ก็หวังว่าจะต้องทำผลงานให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เนื่องจากอยากก้าวขึ้นไปเป็นนักกีฬาทีมชาติเหมือนกับพี่โม (ธาราทิพย์ ศรีดี) ได้ไปเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ และหวังว่าภายในอีก 1 ปีข้างหน้า จะต้องพัฒนาตนเองและผลงานจนสามารถก้าวขึ้นไปติดทีมเยาวชนทีมชาติให้ได้ และยังหวังในอีก 4 ปีข้างหน้า จะมีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น”
นี่คือความเป็นมาและเป้าหมายของสาวน้อยมหัศจรรย์ที่ชื่อ พิยดา พีรมธุกร นักยิมนาสติกดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ได้การคาดหมายว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ”ราชินียิมนาสติกลีลาเมืองไทย” ต่อจาก ธาราทิพย์ ศรีดี เพื่อสร้างความสำเร็จให้กับวงการยิมนาสติกไทยในอนาคต
จากนี้ไปเราคงต้องติดตามว่า…”น้องปอปอ” จะสามารถก้าวขึ้นมารับตำแหน่งราชินียิมนาสติกลีลาไทย นำความสำเร็จสู่ประเทศไทยได้อย่างที่ทุกคนคาดหวังหรือไม่
